Case Studies

การวางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้ในโรงงาน

ปัญหาเพลิงไหม้ในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอุบัติเหตุอันเกิดจากไฟไหม้ไม่เพียงก่อให้เกิดความสูญเสียด้านทรัพย์สินมหาศาล แต่ยังอาจนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของพนักงานและบุคคลในพื้นที่ได้อีกด้วย

ดังนั้น การวางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้และการเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อเหตุไฟไหม้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโรงงานผลิตสินค้า และนับเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป) และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง บทความนี้จะนำเสนอกรณีศึกษาการวางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้ในโรงงาน พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวทางและปัจจัยสำคัญในการวางแผนป้องกันและรับมือไฟไหม้ที่มีประสิทธิภาพ

การประเมินความเสี่ยงและการตรวจสอบพื้นที่การทำงาน

การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการวางแผนป้องกันเพลิงไหม้ โรงงานผลิตสินค้ามีลักษณะการผลิตที่หลากหลาย เช่น มีการใช้วัตถุดิบที่ติดไฟง่าย การใช้เคมีภัณฑ์ หรือการใช้พลังงานความร้อนในกระบวนการผลิต ซึ่งแต่ละกระบวนการมีโอกาสเกิดความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น จป ควรจัดทีมผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการผลิตและด้านความปลอดภัยเข้ามาประเมินจุดเสี่ยงต่าง ๆ เช่น

  • พื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบ: ต้องตรวจสอบประเภทของวัตถุดิบ เช่น วัตถุไวไฟ วัตถุเคมี ก๊าซ มีการแยกเก็บตามประเภทและมีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม
  • สายการผลิต: มักมีการใช้เครื่องจักรที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือเกิดการเสียดสี ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงไฟไหม้ได้
  • ระบบไฟฟ้า: การบำรุงรักษาสายไฟ ฟิวส์ สวิตช์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

เมื่อประเมินความเสี่ยงได้ครบถ้วนแล้ว จึงจะสามารถวางมาตรการป้องกันและแบ่งระดับความสำคัญในแต่ละจุดได้อย่างแม่นยำ

การวางแผนโครงสร้างพื้นฐานและระบบป้องกันเบื้องต้น

หลังจากการประเมินความเสี่ยง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและจัดเตรียมระบบป้องกันไฟไหม้เป็นสิ่งสำคัญ โรงงานที่ได้มาตรฐานควรมีองค์ประกอบต่อไปนี้

  1. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System): ควรติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเหตุอย่างเหมาะสมครอบคลุมพื้นที่ทั้งในส่วนการผลิต โกดังจัดเก็บสินค้า และบริเวณสำนักงาน
  2. ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Automatic Fire Suppression System): เช่น ระบบสปริงเกอร์หรือสารเคมีแห้ง ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่ออุณหภูมิสูงเกินค่าที่กำหนด หรือเมื่อมีควันในระดับที่ผิดปกติ
  3. อุปกรณ์ดับเพลิงชนิดมือถือ (Portable Fire Extinguisher): จัดเตรียมถังดับเพลิงชนิดต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับประเภทของวัตถุดิบ เช่น ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ถังดับเพลิงโฟม หรือถังดับเพลิงคาร์บอนไดออกไซด์
  4. สัญลักษณ์และทางหนีไฟ: ต้องทำให้มีป้ายสัญลักษณ์ชัดเจน แสงสว่างเพียงพอ และเส้นทางหนีไฟต้องปลอดสิ่งกีดขวาง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถอพยพได้ทันที

การกำหนดมาตรฐานและการลงทุนในระบบป้องกันเบื้องต้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้อาจมีค่าใช้จ่ายในระยะแรก แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายและต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุไฟไหม้ พบว่ามีความคุ้มค่าอย่างมากในระยะยาว

การอบรมและสร้างวินัยความปลอดภัยให้แก่พนักงาน

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟไหม้ในโรงงานคือ “พฤติกรรมของพนักงาน” ไม่ว่าจะเป็นความประมาท เลินเล่อ หรือการขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้งานเครื่องจักรและสารไวไฟ ดังนั้นการให้การอบรมและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยมีแนวทางดังนี้

  • การอบรมความรู้พื้นฐานด้านความปลอดภัย: เช่น วิธีการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง การจัดการสารเคมี การเก็บรักษาวัตถุไวไฟ
  • การอบรมปฏิบัติการดับเพลิงเบื้องต้น: เช่น วิธีการใช้งานถังดับเพลิงอย่างถูกต้อง การจัดระบบให้พนักงานฝึกซ้อมการอพยพหนีไฟ (Fire Drill) อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย
  • การสื่อสารต่อเนื่อง: สื่อสารผ่านบอร์ดประกาศ ไลน์กลุ่มภายใน หรือป้ายเตือนความปลอดภัยในจุดเสี่ยง เพื่อกระตุ้นให้พนักงานระมัดระวังและตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันเพลิงไหม้อยู่เสมอ

เมื่อพนักงานมีความรู้และตื่นตัวด้านความปลอดภัยแล้ว จะช่วยลดโอกาสเกิดไฟไหม้จากความประมาท และสามารถช่วยเหลือกันได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

กรณีศึกษาการจัดการไฟไหม้ในโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์

ตัวอย่างหนึ่งของกรณีศึกษาในโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีการใช้กระดาษ พลาสติก และสารเคมีบางชนิด พบว่าเหตุเพลิงไหม้มักเกิดจากความร้อนสะสมในเครื่องจักรและจากไฟฟ้าลัดวงจร เพื่อแก้ไขปัญหา ผู้บริหารและ จป ในโรงงานได้ดำเนินงานดังนี้

  1. ปรับปรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องจักร: ทำตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด เช่น ตรวจสอบสายไฟ สวิตช์ไฟ ปลั๊กไฟ และเซ็นเซอร์อุณหภูมิเป็นประจำทุกเดือน
  2. ปิดเครื่องจักรอย่างถูกวิธี: กำหนดขั้นตอนปิดระบบทุกครั้งเมื่อเลิกงานหรือหยุดเดินเครื่อง เพื่อลดความร้อนสะสมในระบบ
  3. แยกโซนเก็บวัตถุดิบไวไฟ: โรงงานจัดพื้นที่เก็บกระดาษและสารเคมีให้ห่างจากเครื่องจักรที่มีความร้อนสูง รวมถึงติดตั้งระบบระบายอากาศ
  4. จัดฝึกซ้อมการดับเพลิง: อบรมให้พนักงานสามารถจัดการเหตุเพลิงไหม้เบื้องต้นได้ รวมทั้งซักซ้อมการอพยพให้มีประสิทธิภาพ

ด้วยมาตรการเหล่านี้ ทำให้อัตราเกิดเหตุไฟไหม้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และในกรณีที่เกิดไฟไหม้ขึ้นจริง ก็สามารถควบคุมได้รวดเร็วและลดความเสียหายได้

การติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการป้องกันเพลิงไหม้ที่รัดกุมแค่ไหน แต่หากขาดการติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ประสิทธิภาพก็อาจจะลดลงไปตามเวลา โรงงานควรมีการ:

  • ตรวจสอบระบบดับเพลิงและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ: เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอุปกรณ์พร้อมใช้งาน และปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันทีที่พบความผิดปกติ
  • ประเมินความเสี่ยงใหม่อย่างสม่ำเสมอ: เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต หรือมีการนำวัตถุดิบใหม่เข้ามา ควรประเมินความเสี่ยงเพิ่มและปรับปรุงมาตรการให้เหมาะสม
  • สรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ใกล้เคียง (Near Miss): หากมีเหตุการณ์ที่เกือบจะเกิดไฟไหม้หรือการผิดปกติในระบบ ควรตรวจสอบและวิเคราะห์หาสาเหตุในรายละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

สรุป

การวางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้ในโรงงานผลิตสินค้าเป็นหน้าที่ร่วมกันของผู้บริหาร จป และพนักงานทุกคน โดยเริ่มจากการประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน วางระบบป้องกันและตอบโต้เหตุฉุกเฉินให้พร้อม ตลอดจนส่งเสริมและสร้างวินัยความปลอดภัยให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร การป้องกันเพลิงไหม้ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีหรือระบบเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างความตระหนักรู้และวินัยในทุกระดับ การลงทุนในการป้องกันย่อมดีกว่าการเผชิญหน้ากับความสูญเสียในภายหลัง เพราะชีวิตและทรัพย์สินมีค่ามากเกินกว่าที่จะปล่อยให้เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นโดยขาดการเตรียมตัวที่เหมาะสม

ด้วยแนวทางเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดโอกาสการเกิดเพลิงไหม้ในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ว่าองค์กรมีความตระหนักและเอาใจใส่ต่อความปลอดภัยของพนักงานและชุมชนโดยรอบอย่างแท้จริง ส่งผลให้โรงงานสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งในระยะยาว

Back to top button